HMS Hood
เอชเอ็มเอส ฮู้ด คือเรือลาดตระเวนประจัญบานลำสุดท้ายของราชนาวีอังกฤษ และยังเป็นเรือรบที่ใหญ่ที่สุดในสมัยสงครามโลกครั้งที่1 ซึ่งเป็นเรือที่ชาวอังกฤษภาคภูมิใจมากที่สุดจนถึงกับตั้งฉายาให้ว่า ไมท์ตี้ ฮู้ด
เรือ ฮู้ด ได้ถูกสั่งให้ต่อขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ.1916 โดยบริษัทจอห์น บราวด์ แอนด์ คอมพานี เเละเริ่มวางกระดูกงูเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ.1916 เเละทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำในวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ.1918 จนขึ้นระวางในวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ.1920 ที่ใช้เวลาในการสร้างเพียง 2 ปี
สำหรับชื่อ "ฮู้ด" นั้นมาจาก ผู้บัญชาการเรือคนสำคัญในสมัยสงครามปฏิวัติอเมริกัน และ สงครามปฏิวัติฝรั่งเศส นามว่า ซามูเอล ฮู้ด
เอชเอ็มเอส ฮู้ด เป็นหนึ่งใน 4 เรือลาดตระเวนประจัญบานชั้นแอดมิรัล แต่เรือชั้นนี้ก็ไม่สามารถสร้างได้ครบทั้ง 4 ลำตามที่วางโครงการไว้ จึงมี ฮู้ด เพียงลำเดียวที่สามารถสร้างเสร็จ เนื่องจากในช่วงระหว่างยุทธนาวีจัตแลนด์ เเบบของเรือก็ถูกเเก้ไขเเละปรับปรุงเพิ่มเติมในระหว่างการก่อสร้าง จึงเป็นปัญหาต่อการพัฒนาเรือในหลายๆส่วน จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เรือลำนี้เป็นเรือเพียงลำเดียวในชั้นที่สร้างเสร็จ
ฮู้ด ได้รับเกียรติเป็นเรือธงให้กับศึกหลายๆครั้ง นับตั้งแต่ค.ศ.1920 จนถึงปีค.ศ.1939 ฮู้ด ได้ถูกใช้เป็นเรือฝึกของเหล่าทหารเรืออังกฤษ และที่สำคัญ คือ ฮู้ด ได้รับเลือกให้ออกเดินทางรอบโลกในระหว่างปีค.ศ.1923-1924 ที่ถึงแม้จะอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่1 ฮู้ด จึงได้ทำภารกิจร่วมรบไปด้วย ระหว่างการเดินทางครั้งนี้
ฮู้ด ได้เข้าประจำการที่กองเรือเมดิเตอร์เรเนียน และได้เข้าร่วม สงครามอิตาลี-อะบิสซิเนียครั้งที่สองในช่วงท้ายๆของสงคราม รวมทั้งได้เข้าร่วมสงครามกลางเมืองของสเปน ก่อนที่จะเดินทางกลับอังกฤษในปีค.ศ. 1939 เพื่อปรับปรุง ซ่อมแซม ส่งผลให้เรือ ฮู้ด มีประสิทธิภาพในการรบด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ แต่พอเริ่มเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เรือลำนี้ก็ไม่ได้รับการปรับปรุงอีกเลย
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเยอรมันนีประกาศสงครามกับอังกฤษ ฮู้ด ก็ได้ออกปฏิบัติการบริเวณรอบเกาะไอซ์แลนด์ ต่อจากนั้น ฮู้ด ก็ได้ใช้เวลาหลายเดือนในภารกิจการป้องกันในเเถบทะเลนอร์วีเจียน เพื่อสกัดกองเรือทั้งหมดของเยอรมันนี รวมถึงเข้าปิดล้อมการคมนาคมทางน้ำของเยอรมันนี หลังจากนั้น ฮู้ด ก็ได้เป็นเรือธงของ กองกำลัง ฟอร์ซ เอช และได้มีส่วนร่วมในการปฎิบัติการโจมตีทัพเรือวีชีฝรั่งเศสที่เมอร์ เซล เคเบียร์ จนได้รับชัยชนะ ต่อมาก็ได้เดินทางไปยังสคาปาโฟลว์ เเละได้ทำภารกิจคุ้มกันกองเรือจากการโจมตีของฝ่ายเยอรมัน
ในช่วงเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1941 ฮู้ด เเละเรือประจัญบานปริ๊นซ์ออฟเวลล์ ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปเข้าสกัดกั้นการโจมตีกองเรือที่เดินทางไปยังมหาสมุทรแอตแลนติก จากเรือรบของเยอรมันทั้ง 2 ลำ คือเรือลาดตระเวนหนัก พริ๊นซ์ออยเก็น และ เรือประจัญบานบิสมาร์ค
ท้ายที่สุดในช่วงเช้าของวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ.1941 ในยุทธนาวีที่ช่องแคบเดนมาร์ก ฮู้ด เเละเรือประจัญบานปริ๊นซ์ออฟเวลล์ ก็ได้เข้าปะทะกับเรือลาดตระเวนหนัก พริ๊นซ์ออยเก็น และ เรือประจัญบานบิสมาร์ค จนกระทั่ง ฮู้ด เป็นฝ่ายเสียท่าโดนเรือประจัญบานบิสมาร์คยิงเข้าที่คลังกระสุนและเกิดการระเบิดอย่างรุนเเรงจนเรือเเตกออกเป็น 2 ส่วนก่อนที่จะจมลงในที่สุดพร้อมๆกับการสูญเสียลูกเรือกว่า 1,418 ชีวิตในครั้งนี้ ข่าวการจมลงของ ฮู้ด ได้แพร่กระจายออกไปตามหนังสือพิมพ์ รวมถึงนิตยสารมากมายของประเทศอังกฤษ ที่ทำให้นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร วินสตัน เชอร์ชิลล์ ได้ออกคำสั่งให้ไล่ล่า บิสมาร์ค ที่ส่งผลให้ในอีก 3 วันต่อมาบิสมาร์คเองก็ต้องพบชะตากรรมเดียวกันกับ ฮู้ด และนั่น จึงกล่าวได้ว่าเป็นการจบลงที่สมเกียรติมากที่สุดสำหรับเรือธงที่อยู่คู่กองเรือหลวงเเห่งราชนาวีอังกฤษมาเป็นเวลายาวนานกว่า 19 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น